เมษายน 20, 2025

HARLEY-DAVIDSON® ปลุกจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันกับรถมอเตอร์ไซค์ ตระกูล Grand American Touring ในงานมหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41

HARLEY-DAVIDSON® ปลุกจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันกับรถมอเตอร์ไซค์
ตระกูล Grand American Touring ในงานมหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41

สัมผัสรถมอเตอร์ไซค์ CVO™ Road Glide® ST หมายเลข 43 ถอดแบบมาจากรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของ เจมส์ ริสโปลี นักแข่งทีม Harley-Davidson Factory และไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ปี 2024 รุ่นอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด

กรุงเทพฯ (2 ธันวาคม 2567) – Harley-Davidson สร้างปรากฎการณ์ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 หรือ MOTOR EXPO 2024 นำทัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Grand American Touring ปี 2024 และไลน์อัพรุ่นอื่น ๆ จัดแสดงภายใต้คอนเซปต์ ‘Build. Ride. Race’ โดยไฮไลท์สำคัญในงานครั้งนี้ คือ รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Road Glide® ST ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 135 crate engine และ รุ่น Road Glide® ทั้งสองรุ่นโดดเด่นด้วยหมายเลข 43 ถอดแบบมาจากรถมอเตอร์ไซค์ของนักแข่งทีม Harley-Davidson Factory อย่างเจมส์ ริสโปลี พร้อมกันนี้ ยังมีรถมอเตอร์ไซค์รุ่นยอดนิยมอย่าง CVO™ Street Glide®, Street Glide®, Low Rider® ST, Sportster™ S, Softail® Standard และ Fat Boy® 114 ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 บูธหมายเลข G10 เมืองทองธานี


สัมผัสความเร้าใจของรถมอเตอร์ไซค์ CVO™ ROAD GLIDE® ST ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 135 SCREAMIN’ EAGLE® CRATE ENGINE

สัมผัสความเร้าใจของรถมอเตอร์ไซค์ Bagger ที่เร็ว แรง และล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ Harley-Davidson เคยสร้างมา รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO Road Glide ST ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง 135 Screamin’ Eagle Crate Engine พัฒนาขึ้นจากชิ้นส่วนประกอบเครื่องยนต์สมรรถนะสูง และ หนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่บูธ Harley-Davidson คือ รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO Road Glide ST หมายเลข 43 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ของนักแข่งตัวจริงอย่าง เจมส์ ริสโปลี พร้อมถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการแข่งจากรายการ King of the Baggers™ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 135 ลูกบาศก์นิ้ว Screamin’ Eagle Crate Engine ออกแบบมาให้เร่งความเร็วได้เต็มกำลังที่รอบเครื่องยนต์สูงพร้อมส่งพลังให้เร่งแซงได้ฉับไว เหมาะสำหรับนักขับขี่ที่มองหารถมอเตอร์ไซค์กระบอกสูบใหญ่ที่มาพร้อมกำลังอัดและระบบส่งกำลังที่ยอดเยี่ยม ตัวรถยังสามารถส่งแรงบิดมหาศาลไปยังล้อหลังได้ทันทีเมื่อเปิดคันเร่ง เสริมสไตล์ผู้ขับขี่ให้ดุดันด้วยเบาะนั่งเดี่ยวและไรเซอร์แฮนด์บาร์ขนาด 6 นิ้ว โดดเด่นด้วยคัสตอมสไตล์ West Coast

เสริมประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับด้วยระบบอินโฟเทนเมนต์เทคโนโลยี Skyline™ OS หน้าจอสัมผัสสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเสียงพรีเมียมมาพร้อมแอมพลิฟายเออร์ขนาด 500 วัตต์ ลำโพงขนาด 6.5 นิ้ว และเครื่องเสียง Harley-Davidson Audio powered by Rockford Fosgate® Stage II รถมอเตอร์ไซค์ CVO Road Glide ST ราคาเริ่มต้นที่ 3,153,500 บาท

พร้อมกันนี้บูธ Harley-Davidson ยังจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Street Glide ปี 2024 เจ้าของรางวัลรถมอเตอร์ไซค์ยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำปี 2567 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Road Glide ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ VVT 117 V-Twin ที่อัปเกรดให้ทรงพลังมากขึ้น มีน้ำหนักเบาขึ้น และขับขี่ได้เร้าใจยิ่งกว่าเดิม มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่เน้นความกลมกลืนตั้งแต่บังโคลนหน้าจนถึงกระเป๋าข้างซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นทั้งในด้านสมรรถนะและความมีสไตล์

โดยรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับแฟริ่งโฉมใหม่ ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น และยังคงรักษา DNA การออกแบบของ Harley-Davidson ไว้อย่างเห็นได้ชัด รุ่น Street Glide ราคาเริ่มต้นที่ 1,640,000 บาท และรุ่น Road Glide ราคาเริ่มต้นที่ 1,740,000 บาท

“ปี 2567 นับเป็นปีที่น่ายินดีสำหรับ Harley-Davidson เพราะเราได้ร่วมกันฉลองความสำเร็จของรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Touring ที่เปี่ยมด้วยสุดยอดสมรรถนะและนวัตกรรม เป็นการส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ในงานมหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เราถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งอิสระและการผจญภัยอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson ผ่านเรื่องราวการแข่งขัน พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักขับขี่รุ่นใหม่ และสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นกับชุมชุนนักขับขี่และเหล่าคนรักมอเตอร์ไซค์ เราหวังว่าการจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Grand American Touring และรถรุ่นอื่น ๆ ในครั้งนี้ จะมอบประสบการณ์พิเศษให้กับเหล่านักขับขี่ในประเทศไทยได้สัมผัสกับขุมพลังเครื่องยนต์ สมรรถนะที่เหนือชั้น การคัสตอม และดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลา” มาร์ค โอ ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่เอเชียและอินเดีย กล่าว


นอกจากผู้เข้าชมจะได้สัมผัสไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ปี 2024 แล้ว ภายในบูธ Harley-Davidson ยังมีสินค้าจัดจำหน่ายให้เลือกหลากหลาย อาทิ เครื่องแต่งกายของนักขับขี่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริม รวมถึงระบบเสียง Rockford Fosgate และ อะไหล่ Screamin’ Eagle Performance Stage Kits I-IV

งานมหกรรมยานยนต์นานาชาติครั้งที่ 41 ประจำปี 2567 เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมงาน ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 เวลา 12:00 น. – 22:00 น. (วันจันทร์ ถึง วันศุกร์) และ เวลา 11:00 น. – 22:00 น. (วันเสาร์ อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์) ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 โดย Harley-Davidson จะอยู่ที่บูธหมายเลข G10

 

——————————————————

You may have missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว