เมษายน 19, 2025

ไต้หวันเตรียมพร้อมเป็น Tech Hub ใหม่ของโลกกับงาน อัพเกรดความอัจฉริยะกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากไต้หวัน

ไต้หวันเตรียมพร้อมเป็น Tech Hub ใหม่ของโลกกับงาน อัพเกรดความอัจฉริยะกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากไต้หวัน

ไต้หวันคือหนึ่งในไม่กี่ชาติที่ GDP ยังเติบโตได้ดีในช่วงวิกฤติโควิด 19 ที่ฉุดให้ GDP ทั่วโลกติดลบ โดยไตรมาสแรกของปี 2021 GDP ของไต้หวันเติบโตถึง 8.16% เพิ่มจากเดิมช่วงไตรมาส 4 อยู่ที่ 5.09% เศรษฐกิจไต้หวันโตเร็วมากที่สุดในรอบทศวรรษ ถือว่าเร็วมากที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2010 และยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในชาติชั้นนำที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการควบคุมโควิดได้ดีและมีประสิทธิภาพ เป็นโมเดลให้กับนานาชาติ จากการเป็นเพียงผู้ผลิตและส่งออก semiconductor ให้กับบริษัทเทคโนโลยีต่างๆทั่วโลก ไต้หวันกำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในแวดวงเทคโนโลยีของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จากไต้หวันที่กำลังขาขึ้นและนำเทรนด์แห่งโลกอนาคตที่น่าจับตา


คุณกวนจือ ลี รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (BOFT) กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันกล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2564 – 2568 ตลาด AI ของโลกจะมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) กว่า 21% นับเป็นมูลค่าราว 76.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หนึ่งในนโยบายที่สำคัญของไต้หวันคือ Taiwan Excellence หรือรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวัน เป็นโครงการแคมเปญอินเตอร์นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไต้หวันและมีความเป็นเลิศระดับสูงสุดสู่สายตาชาวโลก โดยกรมการค้าต่างประเทศ (BOFT) และสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) แคมเปญ Taiwan Excellence จึงกระตุ้นให้บริษัทต่างๆในไต้หวันประยุกต์เทคโนโลยี AI มาใช้กับนวัตกรรมพลังงานและในทุกอุตสาหกรรมเพื่อความเติบโตก้าวหน้าในระดับโลกต่อไป

คุณไบรอัน เสิน สมาคมอุตสาหกรรมบริการสารสนเทศไต้หวัน (CISA) กล่าวว่าปัจจุบันเรากำลังเผชิญความท้าทายเรื่องโรคระบาดอย่างโควิด-19 เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆอย่างมาก เช่นแอพแสดงการเว้นระยะห่าง โควิดได้เร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ดังนั้นธุรกิจควรเร่งเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัลเพื่อหาโอกาสเติบโตต่อไปได้

งานสัมมนาออนไลน์ “อัพเกรดความอัจฉริยะกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากไต้หวัน” (Smart Upgrade with AI) นำเสนอพัฒนาการสุดล้ำของไต้หวันกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (เอไอ) ยกระดับการใช้ชีวิตแบบอัจฉริยะผ่านระบบการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะที่ครบวงจร จาก 6 สุดยอดแบรนด์ชั้นนำของไต้หวัน อาทิเช่น Acer Medical, AI3, AVer, FETCi, Imedtac และ WiAdvance ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุดพร้อมแบ่งปันเรื่องราวและเทรนด์สำคัญของวงการโซลูชัน AI

แบรนด์ Acer Medical ใช้เทคโนโลยี AI พัฒนาโซลูชั่น VeriSee DR เพื่อช่วยวิเคราะห์ภาพจอประสาทตาที่ส่งสัญญานภาวะโรคเบาหวานขึ้นจอตา (DR) ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้เร็วขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ ความสามารถของโซลูชั่น VeriSee DR ถือว่าแม่นยำระดับใกล้เคียงกับจักษุแพทย์ด้วยอัตราความถูกต้องแม่นยำอ้างอิงสูงถึง 93% โรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทจงพบว่า หลังจากได้ใช้งานโซลูชั่นดังกล่าว ความรวดเร็วและแม่นยำในการวินิจฉัยโรคดีขึ้นอย่างมาก ด้วยความจำเพาะอ้างอิงเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 84%


ทีมวิจัยของแบรนด์ AI3 ได้พัฒนาหุ่นยนต์บริการรุ่นใหม่ที่มีการเรียนรู้เชิงลึกและใช้เทคโนโลยี AI จนชนะรางวัลรายการแข่งขัน Civil Affairs ChatBot Competition จัดโดยองค์กรปกครองท้องถิ่นเมืองไทเปในปี 2560 ทีมงานใช้เวลาทำวิจัยระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) หลายปีและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหลักของ AI กับแพลตฟอร์มอัจฉริยะด้านบริการลูกค้าที่ผสานทุกช่องทางให้เป็นหนึ่ง QbiAI Omni-channel โดยมี 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่ QbiBot QbiCRM และ QbiAI แพลตฟอร์มนี้เสนอบริการแบบโต้ตอบที่แม่นยำกับผู้บริโภคและถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ การเงินและโลจิสติกส์


กล้องติดตามการเรียนรู้ทางไกล Aver DL30 กล้องสำหรับการเรียนออนไลน์สุดล้ำที่ติดตั้งระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ช่วยโฟกัส เคลื่อนไหวและติดตามครูโดยอัตโนมัติ โดยครูไม่จำเป็นต้องสวมอุปกรณ์หรือเซ็นเซอร์ใดๆ โหมดการติดตามเป้าหมายดังกล่าวสามารถปรับได้ตามความต้องการ เช่น โหมดติดตามผู้สอน (Presenter Mode) โหมดกำหนดโซนพื้นที่เฉพาะ (Zone Mode) โหมดห้องเรียนไฮบริด (Hybrid Mode) โดยนักเรียนที่เรียนออนไลน์และนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนสามารถมองเห็นซึ่งกันและกัน เรียนรู้ร่วมกันเหมือนอยู่ในห้องเดียวกัน กล้อง DL30 จะช่วยให้ผู้สอนมีสมาธิกับการสอนและนักเรียนก็ไม่พลาดเนื้อหาการเรียนอีกด้วย

ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RFID) ของแบรนด์ FETCi ในไต้หวันนับว่าประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงระบบนี้ครั้งแรกของโลก จากการจัดเก็บค่าผ่านทางแบบเงินสดที่ประตูกำกับด่านผ่านทางสู่ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีช่องผ่านทาง (Multi-Lane Free Flow) การใช้เทคโนโลยี AI ช่วยทำให้เวลาที่รถเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง ระบบยังสามารถเก็บค่าผ่านทางในอัตราที่แม่นยำเกิน 99.99% แสดงถึงเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมของไต้หวันได้เป็นอย่างดี


แบรนด์ Imedtac ใช้เทคโนโลยี Time-of-Flight (ToF) กับโซลูชันเฝ้าสังเกตอาการของผู้รับการรักษาเพื่อติดตามและดูแลอาการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังสามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้อีกด้วย เทคโนโลยี ToF จะคำนวณวัดระยะระหว่างเซนเซอร์กับวัตถุโดยใช้รังสีอินฟาเรด การผสานอัลกอริทึม AI ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของแบรนด์กับข้อมูลเซนเซอร์ ToF โซลูชันของ Imedtac จะช่วยกำหนดตำแหน่งรอบๆเตียงของผู้รับการรักษาและแจ้งเตือนผู้ดูแลทันทีในกรณีฉุกเฉิน โซลูชันดังกล่าวนอกจากจะสร้างความปลอดภัยให้ผู้รับการรักษาแล้วยังช่วยงานของผู้ดูแลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีคลาวด์ ข้อมูลและ AI แบรนด์ WiAdvance ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไฮบริดคลาวด์ ให้บริการด้านที่ปรึกษาการโยกย้ายระบบ การดำเนินการและบริการจัดการระบบคลาวด์ด้านต่างๆ มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมการผลิต ทำให้แบรนด์มีจุดแข็งด้านการรวมระบบ (SI) อุตสาหกรรม 4.0 และบริการคลาวน์ จากข้อได้เปรียบของความร่วมมือระหว่าง Wistron Group และ Chunghwa Telecom แบรนด์ WiAdvance ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการใช้งานเครือข่ายส่วนตัวขององค์กรร่วมกันหรือเทคโนโลยี 5G Private Network ช่วยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมระบบการผลิตอัจฉริยะทะยานสู่ประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ​ได้อย่างไรบ้าง

สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ Taiwan Excellence สามารถติดตามหรือสอบถามได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค TaiwanExcellence.TH หรือคลิก https://www.facebook.com/TaiwanExcellence.TH

You may have missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว