พฤศจิกายน 10, 2024

NEXTBEST แพลตฟอร์มสัญชาติไทย เขียนโดย SMEs ช่วย SMEs สร้างยอดขาย ลดต้นทุน เพิ่มกำไรทะลุร้าน (ล้าน!)

รีเทเลเจอร์ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจค้าปลีก และให้บริการในรูปแบบของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและทีมการตลาดและการขาย โดย อาจารย์อ๋อมนักขาย “สายดาต้า” กูรูการสร้างยอดขาย ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมค้าปลีก และการตลาดมากกว่า 20 ปี เปิดตัว NEXTBEST แพลตฟอร์มสัญชาติไทย เขียนโดย SMEs ช่วย SMEs สร้างยอดขาย ลดต้นทุน เพิ่มกำไรทะลุร้าน (ล้าน!) ย้ำ SMEs ยุคดิจิตอล ต้องเปลี่ยนแฟนคลับเป็นยอดขาย เพิ่มกำไรทะลุล้านได้ง่ายๆ เพียงเข้าใจลูกค้า รู้จักใช้“ดาต้า (ข้อมูลลูกค้า)”เป็นเข็มทิศในการนำทางแล้วทำการตลาดอย่างถูกต้องและชัดเจน

ซึ่ง “NEXTBEST” เป็นแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือทางการตลาด ที่จะช่วยเสริมศักยภาพและสร้างเขี้ยวเล็บ ทั้งยังป้องกันไม่ให้ SMEs หลงทาง ไม่ต้องลงทุนแบบหว่าน แต่จะทำให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากของดาต้าที่มีอยู่ไปสื่อสารตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเดิม (แฟนคลับ) แล้วเปลี่ยนแฟนคลับให้กลายเป็นลูกค้าที่จงรักภักดี พร้อมบอกต่อจนเกิดการซื้อซ้ำ จนสามารถสร้างยอดขายออนไลน์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้อย่างแท้จริง และสามารถยืนได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการมองหาสินค้าใหม่ เซอร์วิสใหม่ ลูกค้าใหม่เพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจไปพร้อมกับการทำการตลาดในทุกๆ วัน โดยไม่ต้องรอการพึ่งพาความช่วยเหลือและการโปรโมทจากทางรัฐหรือแพลตฟอร์มต่างชาติเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

นางสาว วรรณภาณี ทัศนาญชลี

นางสาว วรรณภาณี ทัศนาญชลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้าฝ่ายงานวิเคราะห์ข้อมูลค้าปลีก บริษัท รีเทเลเจอร์ จำกัด, เจ้าของเพจ อจ.อ๋อมนักขายสายดาต้า และอาจารย์พิเศษด้าน Consumer Behavior – คณะสถิติประยุกต์ NIDA กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีและการสื่อสารบนโลกออนไลน์มีบทบาทกับวิถีชีวิตของเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด กอรปกับสถานการณ์ของการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ที่รุนแรงครอบคลุมทั่วโลก ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งหมด ผู้คนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตครั้งใหญ่ ลดการพบปะสมาคม ลดการสัมผัสใกล้ชิด การเดินทาง การส่งสินค้า และหลายธุรกิจที่ต้องหยุดชะงัก หรือต้องปรับกระบวนทัพใหม่ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งเคยสร้างเม็ดเงินและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างมหาศาลก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน

ทั้งนี้จากประสบการณ์ที่เคยทำมาร์เก็ตติ้งให้กับองค์กรและแบรนด์ค้าปลีกต่างๆกว่า 20 ปี อาทิ Amazon.com, Panda Corporation, ไอ.ซี.ซี., ELLE Licensing, ธนาคารทหารไทย (TMB,) สเวนเซนส์ (Swensen’s) ไมเนอร์ฟู้ด, ดีเคเอสเอช, ลีวายส์ (Levi’s,) ตนเองมองว่าถึงเวลาที่ SMEs จะต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยี และใช้การสื่อสารแบบออนไลน์ โซเชียมีเดีย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Small Data ข้อมูลขนาดเล็ก “จิ๋วแต่แจ๋ว” ช่วยเพิ่มแฟนคลับ-ลดต้นทุน- สร้างกำไรให้ SMEs ได้อย่างแท้จริง

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ SMEs อยู่รอดและสามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ไปได้นั้น คือ “ดาต้า (ข้อมูลลูกค้า)” หรือ Small Data ซึ่งผ่านการรีเสิร์ซมาแล้วและ SMEs จะต้องเรียนรู้ให้ไว เพิ่มความยืดหยุ่น ปรับวิธีการทำการตลาดและการขายใหม่ ใช้รูปแบบการทำตลาดที่ถูกต้องเริ่มจากดาต้าที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลความต้องการของลูกค้าบนโลกโซเชียลหรือจากฐานข้อมูลเล็กๆที่มีอยู่ผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างดาต้าหรือฐานข้อมูลลูกค้าในเชิงลึก เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้ามากกว่า การพึ่งพาแพลตฟอร์มโฆษณาเพียงอย่างเดียว

“ดาต้า” สร้างยอดขายและผลกำไรให้ปังทะลุร้าน (ล้าน!)

ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่ตนเองทำธุรกิจน้ำปลาหวานแบรนด์ “หลานหลง” น้ำปลาหวานแบรนด์จนดังทะลุร้านและมียอดขายหลักล้านต่อเดือน ก็ได้สร้างดาต้าแพลตฟอร์ม เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกแบบเหตุและผลของผู้บริโภคไทย ไว้เป็นฐานข้อมูลของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แล้วนำมาวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อวางแผนกลยุทธ์ด้านการขายและการตลาด กลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ด้วยสามารถสร้างยอดขายได้เดือนละหลักล้านบาท ขณะนี้มีแฟนคลับที่เป็นลูกค้าดั้งเดิมกว่า 50,000 คนและลูกค้าใหม่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดครอบคลุมลูกค้าชั้นดีทั่วประเทศ

ต่อมาตนเองจึงได้พัฒนาเป็น “NEXTBEST” ดาต้าแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือของนักการตลาดยุคใหม่สัญชาติไทยเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ใช้ AI และ CUSTOMER GENOME ในการสร้างความชาญฉลาดให้กับธุรกิจเพื่อแบ่งปันข้อมูลและความรู้ให้กับSMEs รายอื่นๆ โดย AI จะช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าทั้งภายในและภายนอกระบบตั้งแต่การหาเป้าหมายลูกค้าใหม่ไปจนถึงการทำ CRM ซึ่งจะทำให้ SMEs สามารถนำข้อมูลเชิงลึก (Insight) เฉพาะตัวธุรกิจ มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนการขายและการตลาดคาดคะเนได้ว่าเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าชิ้นนั้นไปแล้วชิ้นต่อมาที่ซื้อซ้ำเขาควรจะต้องซื้ออะไรราคาเท่าไหร่ ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาได้ฉับไวและตรงจุดมากยิ่งขึ้น ขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเดิม (แฟนคลับ) และสร้างการสื่อสารกับลูกค้าให้ตรงกับความต้องการให้มากที่สุด เรียกว่า “ถูกที่ ถูกเวลา ตรงกลุ่มเป้าหมาย” เรียกว่าเป็นการ ‘เปลี่ยนแฟนคลับให้กลายเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีพร้อมบอกต่อ จนเกิดการซื้อซ้ำ’ และลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นแฟนคลับติดกระแสเร็วขึ้น จึงจะสามารถช่วยให้ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ทำงานอย่างสนุกในสภาพการแข่งขันที่ขับเคี่ยวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

อัตราค่าบริการแพลตฟอร์ม “NEXTBEST” สำหรับลูกค้า SMEs จะเริ่มต้นที่เดือนละ 8,500 บาท และมีบริการเหมาจ่ายทีมขายและการตลาด รวมถึงการแชร์ยอดขายแบบ Revenue Sharing โดยไม่ต้องลงทุน วางระบบราคาสูง SMEs ก็สามารถเริ่มต้นใช้ดาต้าอย่างไร้ข้อจำกัดในเรื่องเงินทุน นอกจากนี้ล่าสุดยังได้ออกแพลตฟอร์มใหม่ชื่อว่า Luna Social Commerce แพลตฟอร์มช้อปปิ้งใช้งานบน Line ที่แบ่งยอดขายให้ คนบอกต่อแบบ Friend Get Friend สำหรับลูกค้าที่ต้องการให้เราช่วยทำการตลาดและขายของเชิงรุกให้ Luna จะเป็นแพลตฟอร์มที่เหมือนห้างไทยที่ทางห้างจะสร้างบรรยากาศที่ทำ CRM และดูแลทุกแบรนด์ให้เกิดยอดขาย หากลุ่มเป้าหมายเข้ามาให้ เพราะบางคนไม่อยากขายใน Shopee Lazada ซึ่งการแข่งขันสูงมากแต่การค้นหาสินค้า และการบริการเริ่มไม่เป็นที่พอใจจากลูกค้าเท่าที่ควร

“ถ้าเราทำการตลาดบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง เราจะจ่ายค่าโฆษณาที่ประหยัดลง”

คุณจาริณี กาลาเฮอ  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด รัสมิ์ภูมิ คลินิค กล่าวว่า “เดิมที่เราเน้นทำการตลาดบนเฟสบุ๊คอย่างเดียว ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Line OA มากมายนัก เก็บข้อมูลด้วยการใช้มือจดบันทึก แล้วทำบรอดแคสต์ส่งถึงลูกค้าทุกคนพร้อมกัน อาจเลือกช่วงอายุได้แต่ไม่สามารถเลือกจากเชิงพฤติกรรมหรือมิติอื่นๆ ที่สร้างยอดขายได้ แล้วการที่เราใช้พนักงาน 1 คนโทรหาลูกค้า 10 คนต่อวันใช้เวลาเยอะ เพราะเราไม่มีเครื่องมือทำ Social CRM  ปกติตนเองชอบซื้อของและคุยกับแม่ค้าโดยตรงผ่านไลน์ จึงค่อนข้างมั่นในว่าไลน์มีความน่าเชื่อถือมากกว่า Facebook และคิดว่า database มีสำคัญมาก จะเก็บแบบเดิมๆ แล้วใช้ความรู้สึกในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์เองไม่ได้อีกต่อไป จะต้องมีเครื่องมือมาช่วยเก็บและยืนยันได้ดีกว่า เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนก่อนทำการตลาดและการขาย ดังนั้นจึงได้มองหาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมาช่วยทำการตลาดผ่านไลน์ (Line Official) แล้วมาลงตัวที่ ‘รีเทเลเจอร์’ และ ‘NEXTBEST’

ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง NEXTBEST เป็นแพลตฟอร์มอัจริยะ ทีมที่ปรึกษาและเพื่อนคู่คิดที่เข้ามาช่วยในทุกเรื่องตั้งแต่การเก็บข้อมูล ร่วมวิเคราะห์ข้อมูล ทำโปรโมชั่นและสื่อสารให้กับลูกค้าที่อยู่ในไลน์ให้รู้มากยิ่งขึ้น จากผลิตภัณฑ์ที่เราไม่มีเวลาที่จะไปโปรโมทหรือทำการตลาดเลย สามารถสร้างยอดขายโตหลักล้านได้ภายใน 2 เดือน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะทำการตลาดบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง จะทำให้จ่ายค่าโฆษณาที่ประหยัดลง แต่ได้ประสิทธิภาพที่มากขึ้น สามารถวางแผนและสื่อสารตรงกับความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ยอดขายก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบบ้างในแง่ของเวลาเปิดบริการเพราะต้องปิดร้านไปประมาณ 3 เดือน แต่เมื่อเทียบกับยอดขายโดยรวมแล้ว ธุรกิจของเรามีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตมีแผนที่จะขยายไปทำเป็นศูนย์ความงาม One Stop Service ก็อยากทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการบริการที่จริงใจของเราที่มอบให้กับลูกค้าเสมอมา ตั้งแต่การคัดสรรผลิตภัณฑ์ ราคาที่เหมาะสม รวมถึงการคัดสรรแพทย์ที่ดี อยากให้ลูกค้านึกถึงรัสมิ์ภูมิเป็นอันดับต้นๆ หากถ้าจะเลือกทำอะไร”

คุณณัฐพงษ์ ทองประเสริฐ เจ้าของแบรนด์ HYADA เซรั่มแบรนด์ไทยที่ติดเทรนด์สูงสุดในโลกออนไลน์ ทั้ง Twitter และ Tiktok กล่าวว่า “ด้วยความที่เป็น Skin care การจึงใช้เม็ดเงินหว่านไปกับโฆษณาจึงหนักมากอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะสินค้าประเภทนี้จะต้องอยู่ในกระแสตลอดเวลา แต่พอได้มารู้จัก NEXTBEST สิ่งนี้ทำให้ได้เปิดโลกของดาต้าซึ่งผมไม่เคยเห็นข้อมูลลูกค้ามากขนาดนี้มาก่อน แรกๆ ก็เริ่มต้นไม่ถูกว่าจะทำอะไรก่อนอะไรหลังแต่หลังจากที่ได้นำดาต้ามาวางกลกุทยธ์ในการทําคอนเทนต์ได้ผลตอบรับจากลูกค้าดีมากตอนนี้จึงมองว่าจะต้องหันมาสนใจเรื่องการนำดาต้าแบบ insight มาใช้ในการวางแผนการตลาดและการขายอย่างจริงจัง ขอบคุณ NEXTBEST ทีมที่มีความเป็นมืออาชีพในสายดาต้ามากๆ ที่เข้ามาช่วยกันทำงานตรงนี้ ในอนาคตผมอยากทำระบบตัวแทนและรับบสมาชิกเพื่อลดค่าโฆษณาเพิ่มจำนวนการซื้อซ้ำของลูกค้า ลดค่าเพิ่มเพื่อนลงให้ได้”

คุณจิรัฏฐ์ ว่องพาณิชย์ ผู้บริหารและ Digital Marketing แบรนด์ Takehome Design ร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้แบรนด์ไทยดีไซน์มินิมอล กล่าวว่า “ความยืดหยุ่นและความไวคือปัจจัยหลักของความสำเร็จของ SMEs ซึ่ง NEXTBEST สามารถตอบโจทย์ได้ตรงมากๆเราเป็นแบรนด์ที่ไม่มีหน้าร้านอาศัยการออกงานแฟร์เพื่อแสดงสินค้าทำให้การทำตลาดไม่ได้อยู่ในรูปแบบของการจัดแคมเปญรายเดือนหรือการยิงโฆษณาปีที่ผ่านมาเราเริ่มด้วยการลงทุนกับที่ไม่มากแต่กลับทำให้เราเห็นลูกค้าผ่าน Social CRM และข้อมูลลูกค้าสามารถทำโปรโมชั่นแบบ personalize ได้หลากหลายและตรงจุดและในปีหน้าเราจะเริ่มลุยทำการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงด้วยโมเดลการแชร์ยอดขายกับ NEXTBEST ถือว่า NEXTBEST เปิดโลกให้เราและปีหน้าเราพร้อมลุยไปด้วยกัน โดยจะวัดผลกันรายไตรมาสเลย”

นางสาววรรณภาณี กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนั้นทาง NEXTBEST ยังจัด Workshop and Training และคลาสการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและสร้างเขี้ยวเล็บให้กับผู้ประกอบการได้ใช้ประโยชน์สูงสุดของดาต้าข้อมูลในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต สร้างผลกำไรและเกิดความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการมองหาสินค้าใหม่ (New Product) เซอร์วิสใหม่ (New Service) หรือลูกค้าใหม่ (New Customer) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ ไปพร้อมกับการทำการตลาดในทุกๆ วัน

สำหรับผู้ที่สนใจแพลตฟอร์มและบริการการขายและการตลาดของ NEXTBEST และ LUNA หรือ สนใจการอบรมในแบรนด์หรือองค์กรหรือการเรียนเสริมความรู้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานใดๆ สำหรับผู้ที่สนใจ “NEXTBEST” สามารถติดต่อนัดหมายให้คำปรึกษาฟรีทุกวัน (30 นาที) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่LINE ID: Retailature Fb Page: อาจารย์อ๋อมนักขายสายดาต้า
เว็ปไซต์: www.nextbest.ai www.retailature.com
Line ID: Retailature www.calendly.com/retailature
เบอร์โทรศัพท์ 099-398-3563

 ผลิตภัณฑ์และบริการของรีเทเลเจอร์

  • NEXTBEST ดาต้าแพลตฟอร์ม เครื่องมือของนักการตลาดยุคใหม่ ใช้ AI และ CUSTOMER GENOME ในการสร้างความชาญฉลาดให้กับธุรกิจ
  • Luna แพลตฟอร์มการขายเชิงรุก เพิ่มฐานลูกค้า และบริการ CRM เพื่อเกิดการซื้อซ้ำ ให้บริการแบบ สุดเอ็กซ์คลูซิฟเหมือนห้างไทยออนไลน์แบบ one stop service ให้ธุรกิจออนไลน์ที่ไม่ต้องการขายและทำการตลาดเอง
  • Workshop และคลาสการเรียนรู้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ และประสบการณ์ที่ดีอย่างยั่งยืน จากการใช้ดาต้าข้อมูลให้ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งประโยชน์จากดาต้าข้อมูลนี้ ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการมองหาสินค้าใหม่ (New Product) เซอร์วิสใหม่ (New Service) หรือ ลูกค้าใหม่ (New Customer) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจไปพร้อมกับการทำการตลาดในทุก ๆ วัน

กลุ่มลูกค้าของ รีเทเลเจอร์ มี 3 ประเภท คือ 1)Individual (รายบุคคล) 2)SMEs (ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง) 3) Brand & Enterprise (ธุรกิจขนาดใหญ่) อาทิ Ichitan Group, Thai Wacoal, Villa Market, Merz Aesthetics Thailand, Lion Corporation, Sizzler Thailand, MK Restaurant Group, Pigeon, มุ่งพัฒนา, Nanmeebooks และลูกค้ารายย่อย SME อาทิ Soundstar (ซาวด์สตาร์), Rassapoom Clinic, Hugsa Medical Clinic, Take Home Design, Heng Hengเป็นต้น 

You may have missed