เมษายน 20, 2025

KFC ฟาสต์ฟู้ดเจ้าใหญ่ของไทยครองตำเหน่ง “ยอดแย่” ต่อเนื่อง 3 ปี จากรายงานการจัดอันดับ The pecking order 2022 ส่อไร้แววใส่ใจสวัสดิภาพไก่และผู้บริโภคอย่างแท้จริง

KFC ฟาสต์ฟู้ดเจ้าใหญ่ของไทยครองตำเหน่ง “ยอดแย่” ต่อเนื่อง 3 ปี
จากรายงานการจัดอันดับ The pecking order 2022
ส่อไร้แววใส่ใจสวัสดิภาพไก่และผู้บริโภคอย่างแท้จริง

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) เผยรายงานการจัดอันดับการดำเนินงานด้านสวัสดิภาพไก่ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฟาสต์ฟู้ดชั้นนำทั่วโลก (The pecking order) รวมถึง KFC ประเทศไทย เป็นปีที่ 3 ซึ่งผลจัดลำดับ KFC ประเทศไทย ยังครองอันดับ “ยอดแย่” ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยที่ผ่านมา KFC ประเทศไทยนั้นมีคะแนนอยู่ในระดับ Tier 6 (แย่มาก) ในด้านสวัสดิภาพสัตว์ แต่กลับมีความพยามอย่างหนักในการกล่าวอ้างถึงการทำธุรกิจที่มีความยั่งยืน ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริง สะท้อนให้เห็นถึงการละเลยที่จะดูแลคุณภาพชีวิตสัตว์ที่เป็นอาหารอันจะส่งผลต่อชีวิตผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง

รายงาน The pecking order ในปี 2022 นี้ เป็นการจัดอันดับของแบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดและบริษัทอาหารชั้นนำของโลกและในประเทศไทย 7 บริษัทได้แก่ Burger King, Domino’s, KFC, McDonald’s, Pizza Hut, Starbucks และ Subway ซึ่งใช้ 3 เกณฑ์หลัก ในการประเมินเกี่ยวกับแนวทางการจัดการสวัสดิภาพไก่ในห่วงโซ่ อุปทานของแบรนด์ ได้แก่ ความร่วมมือของบริษัท ความมุ่งมั่นกับเป้าหมาย และการรายงานผลการดำเนินงานต่อแนวทางการทำงานด้านสวัสดิภาพไก่ ทั้งนี้ข้อมูลสำคัญในรายงานได้สรุปว่าบริษัทอาหารฟาสต์ฟู้ดโลก ที่ได้ให้คำมั่นต่อการดำเนินงานด้านปรับปรุงสวัสดิภาพไก่ในห่วงโซ่ อุปทานแทบทุกบริษัท มีความล่าช้าในการรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการตามคำมั่นที่ประกาศไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีหลักฐานน้อยมากหรือไม่มีเลย ที่แสดงให้เห็นว่ามีการดำเนินการตามความมุ่งมั่นนั้นจริง อีกทั้งหลายบริษัทยังมุ่งเพียงแค่การให้คำมั่นในการยกเลิกการใช้กรงขังและระบบการเลี้ยงไก่หลาย ๆ ชั้นในโรงเรือน (multi-tier systems) เท่านั้น

“เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่ KFC ประเทศไทย ยักษ์ใหญ่ที่ถือครองตลาดไก่ทอดในประเทศไทยถึง 90% แต่ยังคงเดินหน้าเพิกเฉยและไม่เปิดเผยนโยบายด้านสวัสดิภาพสัตว์ตามมาตรฐานสากล ตลอดจนไม่แสดงความโปร่งใสในการคัดเลือกแหล่ง ที่มาของวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทานได้ จนถูกจัดให้อยู่ในอับดับที่ “แย่ที่สุด” ของโลก ติดต่อกัน ถึง 3 ปี แต่กลับมุ่งสร้างความ ชอบธรรมและสร้างพื้นที่ให้ตัวเอง โดยการเบี่ยงเบนประเด็น และพูดถึงความยั่งยืนในมิติอื่น ๆ ผ่านงาน Sustainability Expo 2022 ซึ่งจัดเป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ โดยไม่มีการพูดถึงความยั่งยืนในมิติที่ เป็นแกนหลัก ของการดำเนินธุรกิจ ของตน อย่างเช่น ประเด็นสวัสดิภาพสัตว์ และความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานในการผลิต อาหารของตน ทั้งๆ ที่นโยบายด้านสวัสดิภาพสัตว์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ภายใต้ The Better Chicken Commitment ประกาศใช้อยู่แล้วในบริษัทฟาสต์ฟู้ด KFC หลายประเทศในสหภาพยุโรป” เหมือนดาว คงวรรณรัตน์ ผู้จัดการโครงการสัตว์ฟาร์มองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าว

“การที่บริษัทต่าง ๆ เพิกเฉยต่อการดำเนินการใดๆ นอกจากจะยังคงเดินหน้าสร้างปัญหาด้านสวัสดิภาพสัตว์แล้ว ก็ยังทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพต่อมนุษย์อีกด้วย อันเนื่องมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปในการทำฟาร์ม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดปัญหาแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ (Superbugs) ที่อันตรายมาก การยกระดับสวัสดิภาพสัตว์จะลดความต้องการ การใช้ยาปฏิชีวนะที่ใช้เป็นประจำในการป้องกันโรคในหมู่สัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้ภายใต้สภาพที่น่าสลดใจ และจะลดความเสี่ยงต่อการดื้อยาปฏิชีวนะในมนุษย์ได้” Vince Cinches หัวหน้าแคมเปญระดับโลก – สัตว์ในฟาร์มองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เพิ่มเติม

KFC ประเทศไทย ต้องยุติกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Greenwashing และนโยบายการสร้างภาพลักษณ์ที่อวดอ้างเรื่องใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น การเปิดตัว Food Truck พลังงานแสงอาทิตย์ แต่กลับเพิกเฉยต่อประเด็นด้านสวัสดิภาพสัตว์และระบบอาหารที่ยั่งยืน และสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้บริโภค สัตว์ และโลกของเรา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ผู้บริโภคไม่ต้องการจ่ายเงินเพื่อความทุกข์ทรมานของสัตว์ และกำลังเรียกร้องให้บริษัทฯรับผิดชอบต่อวิธีการเลี้ยงสัตว์ที่นำมาใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ KFC ประเทศไทย ต้องออกมาแสดงความจริงใจต่อเสียงเรียกร้องของผู้บริโภค โดยแสดงจุดยืนและให้คำมั่นกับผู้บริโภคอย่างเร่งด่วนว่าไก่ทุกตัวของ KFC ประเทศไทย ก่อนที่จะถูกนำมาทำเป็นอาหารและขายในร้านของตัวเองนั้น จะต้องมีสวัสดิภาพที่ดีที่ยอมรับได้

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก และผู้บริโภคชาวไทยเชื่อมั่นมาตลอดว่า KFC ประเทศไทยได้รับรู้ถึงกระแส เรียกร้องของผู้บริโภค ที่มุ่งให้เกิดการประกาศคำมั่นสัญญาสาธารณะภายใต้ Better Chicken Commitment ที่จะสร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคชาวไทย พร้อมส่งเสริมด้านสวัสดิภาพสัตว์และสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม แต่ KFC ประเทศไทย กลับละเลยที่จะตอบ สนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก และผู้บริโภคชาวไทย จะติดตามการทำงานของ KFC ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดผ่านการรณรงค์ของเรา ที่จะเผยแพร่ความจริงที่ถูกปกปิดไว้ พร้อมเรียกร้องให้เกิดการเปิดเผยมาตรฐานทางจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ของ KFC ประเทศไทย ภายใต้ Better Chicken Commitment ที่จริงจังและ จริงใจในที่สุด

อ่านรายงาน ฉบับเต็ม https://www.worldanimalprotection.or.th/The-pecking-order-2022

#####

You may have missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว