เมษายน 20, 2025

ดีป้า ชวนผู้ประกอบการดิจิทัลไทยส่งผลงานคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศ ร่วมประกวดในโครงการ ASEAN DIGITAL AWARDS 2025

ดีป้า ชวนผู้ประกอบการดิจิทัลไทยส่งผลงานคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศ
ร่วมประกวดในโครงการ ASEAN DIGITAL AWARDS 2025

5 กรกฎาคม 2567, กรุงเทพมหานคร – ดีป้า ชวนผู้ประกอบการดิจิทัลไทยร่วมส่งผลงานสร้างสรรค์
ด้านนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศเข้าร่วมประกวดในโครงการ ASEAN DIGITAL AWARDS 2025 ที่ประเทศไทยรับบทเป็นเจ้าภาพ พร้อมเปิดโอกาสการนำเสนอผลงานสู่สายตาชาวโลก และสร้างแรงบันดาลใจแก่นวัตกรด้านดิจิทัล สมัครได้แล้ววันนี้ – 26 กรกฎาคมนี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและส่งใบสมัครได้ที่ https://www.depa.or.th/th/asean-digital-awards

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดีป้า มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อต่อยอดไปสู่ผลงานที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เศรษฐกิจ สังคม และประเทศ พร้อมกันนี้ ดีป้า
ยังเป็นหน่วยงานหลักในการคัดเลือกผลงานของดิจิทัล สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการดิจิทัลสัญชาติไทยเข้าประกวดในโครงการ ASEAN ICT Awards (ASEAN DIGITAL AWARDS ในปัจจุบัน) ที่จัดโดย สำนักงานเลขาธิการอาเซียน มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและมีผู้ประกอบการไทยได้รับรางวัลจากโครงการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง

“โดยในปีนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) ยังคงมอบหมายให้ ดีป้า เป็นหน่วยงานคัดเลือกผลงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลฝีมือคนไทย เพื่อเป็นตัวแทนประเทศเข้าประกวดในโครงการ ASEAN DIGITAL AWARDS 2025 ที่ประเทศไทยรับบทเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะได้นำเสนอผลงานสู่สายตานานาชาติ อีกทั้งเป็นประตูบานใหม่ที่จะเปิดเข้าสู่ตลาดสากล พร้อมกันนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลจะเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจในการวิจัยและพัฒนาให้กับนวัตกรรุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์/บริการดิจิทัล และเป็นส่วนช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในอนาคต” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

​โครการ ASEAN DIGITAL AWARDS 2025 แบ่งการประกวดออกเป็น 6 ประเภท ประกอบด้วย
1. Public Sector ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรแกรมดิจิทัลที่มีความเกี่ยวข้องกับการภาครัฐหรือบริการสาธารณะ อาทิ e-government

2. Private Sector ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรแกรมดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม อาทิ แอปพลิเคชันอุตสาหกรรม (Industrial application) การบริหารจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน (e-Logistics and Supply Chain Management) แอปพลิเคชันสำหรับอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร (Finance Industry Application) การติดต่อสื่อสาร (Communication) ระบบบริการสุขภาพ (e-Health) การท่องเที่ยวและการบริการ (Tourism and Hospitality) เป็นต้น

3. Digital Inclusivity ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรแกรมดิจิทัลที่ช่วยให้ประชาชน/ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยการสร้างทักษะ แรงจูงใจ และโอกาสในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบออนไลน์อย่างปลอดภัย

4. Digital Content ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรวมข้อความ เสียง รูปภาพ และวิดีโอเพื่อสร้างความสนใจ (ความบันเทิง) ในรูปแบบของมัลติมีเดีย สาระบันเทิง ความสมจริง และปฏิสัมพันธ์

5. Digital Start-up ผู้ประกอบการดิจิทัลที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้ง เช่น ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์หรือผลิตภัณฑ์ตั้งต้น ซึ่งรวมความก้าวหน้าทางดิจิทัลและเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงรูปแบบธุรกิจ และยกระดับมาตรฐานการครองชีพ/ผู้บริโภคเพื่อทำให้สังคมและเศรษฐกิจดีขึ้น

6. Digital Innovation ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรแกรมดิจิทัลที่มาจากสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัย ซึ่งส่งเสริมนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองต่อวิธีการดำเนินธุรกิจ หรือยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้บริการ

สำหรับ ASEAN DIGITAL AWARDS 2024 ตัวแทนประเทศไทยสามารถคว้า 2 เหรียญเงินมาได้จาก ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน Decentralized Health Care โดย บริษัท เฮลธ์แท็ก จำกัด และ ระบบปัญญาประดิษฐ์สำหรับตรวจคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งท่อน้ำดี BiTNet โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ทั้งนี้ ดีป้า และผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาจะร่วมคัดเลือกและพิจารณาผู้สมัครจากการนำเสนอผลงานดิจิทัลต่อคณะกรรมการภายในประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานที่เหมาะสมในแต่ละด้าน และเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมในโครงการ ASEAN DIGITAL AWARDS 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและส่งใบสมัครได้ที่ https://www.depa.or.th/th/asean-digital-awards ตั้งแต่วันนี้ – 26 กรกฎาคมนี้

###

You may have missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว