เมษายน 20, 2025

DITP ขับเคลื่อนกลยุทธ์ยุคใหม่ ในบทบาทเส้นทางยกระดับสู่ตลาดโลก (Pathway To Global Market)

DITP ขับเคลื่อนกลยุทธ์ยุคใหม่ ในบทบาทเส้นทางยกระดับสู่ตลาดโลก
(Pathway To Global Market)


กว่า 7 ทศวรรษที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าพัฒนาองค์กร ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของวิกฤติโลกหลายยุคสมัย เพื่อให้เกิดจุดเปลี่ยน แนวคิดเชิงกลยุทธ์ ตั้งรับ ปรับตัว ปักหมุดหมายที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ นำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม ในการขับเคลื่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มได้ใช้ประโยชน์ของนวัตกรรมที่เข้าถึงผู้บริโภคในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ผ่านการนำเสนอคุณค่าของ
แบรนด์ในการสร้างวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความรอบรู้เท่าทัน สร้างธุรกิจที่ยั่งยืน และบทบาทการเป็นผู้เชื่อมต่อเส้นทางสู่การเข้าตลาดโลก ที่ทำให้เห็นถึงการช่วยเหลือ ยกระดับธุรกิจและขยายการเติบโตในตลาดต่างประเทศได้จริง
จาก “Industry Economy”มาสู่“Value Economy”


ปัจจุบัน การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่สร้างอนาคตใหม่ ที่เราเรียกกันว่า “Mega trends” กำลังเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของธุรกิจโลก ซึ่งจุดนี้สอดคล้องกับเปลี่ยนผ่านจากยุคสมัยของ “Industry Economy” คือยุคที่เน้นการผลิตสินค้าจำนวนมากเข้าสู่ตลาด แข่งขันกันด้วยมาตรฐานและคุณภาพของสินค้า มาสู่ยุคสมัยของ
“Value Economy” ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่า และการสร้างแบรนด์มากกว่าแค่ประโยชน์จากสินค้าเพียงอย่างเดียว


งานนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ “ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์” ได้ถ่ายทอดมุมมองแนวโน้มในอนาคต (Global Market Foresight) เพื่อผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้
“สำหรับการเปลี่ยนแปลงของ DITP ทั้งกลยุทธ์ และภาพลักษณ์ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการก้าวทันโลกอนาคต เพราะโลกหมุนเร็วมาก เราจึงต้องก้าวตามให้ทันในการนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ ให้กับผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ได้มีวิสัยทัศน์ในการขยายแบรนด์ไทย ส่งออกสู่ตลาดโลก โดยการมอบองค์ความรู้เกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ ๆ ในตลาดโลก ซึ่งวิเคราะห์มาจากข้อมูลที่ได้รับมาจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 58 แห่งทั่งโลก รวมถึงช่องทางการค้าในตลาดต่างประเทศ และนำมาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และอำนวยความสะดวกให้สามารถเข้าตลาดต่างประเทศได้จริง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทย เพิ่มความรู้ คาดการณ์เทรนด์ในตลาดต่างประเทศ พร้อมยกระดับพัฒนาธุรกิจให้เท่าทันในตลาดโลกได้ต่อไป”


ชูจุดแข็ง สร้างคุณค่าของแบรนด์ (Brand Value) ด้วยกลยุทธ์ 3 E
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ การสร้างคุณค่าของแบรนด์ (Brand Value) ด้วยกลยุทธ์ 3 E ได้แก่ EXPAND บุกเบิกและเจาะตลาดต่างประเทศใหม่ ๆ ช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยด้วยการสร้างสัมพันธ์ตามความสามารถของสำนักงาน ร่วมกับการสำรวจความต้องการสินค้าและช่องทางการค้าในตลาดต่างประเทศ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเติบโตสู่ตลาดโลก
ENABLER ทลายกรอบศักยภาพผู้ประกอบการ ด้วยข้อมูลองค์ความรู้เชิงกลยุทธ์ ข้อมูล
เชิงลึกของตลาด และข้อมูลสนับสนุน ขับเคลื่อนให้ความฝันของผู้ประกอบการไทยเข้าตลาดต่างประเทศได้เป็นจริง
EMPOWER ปลูกฝังวิสัยทัศน์กว้างไกล มอบพลัง ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ผ่านการชี้แนะ มอบภาพอนาคตให้เห็นถึงความสำเร็จทุกขั้นตอน ช่วยให้แบรนด์ได้พัฒนวิธีคิด
กลยุทธ์ที่จำเป็นของการแข่งขันในระดับโลก มุ่งสู่ความสำเร็จและการเติบโตแบบมั่นคง


สร้างจุดยืน สะท้อนคุณค่าของแบรนด์ที่ชัดเจน ฟันเฟืองสำคัญของการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ของ DITP นั้น ได้มีการจัดกิจกรรมการสัมมนาเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศ และภารกิจกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแก่สื่อมวลชน ภายใต้ธีม Under the Sea x Colorful โดยพาไปเยี่ยมชมหลายสถานที่สำคัญแลนด์มาร์คของจังหวัดชลบุรี
วันนี้ DITP พร้อมเข้าสู่ทุกมิติใหม่ด้วยหัวใจหลักสำคัญนั่น คือการสร้างคุณค่าของแบรนด์ อันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนตัวตน จุดยืนบ่งบอกความโดดเด่น ชัดเจนกับทิศทางในอนาคต เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่ม สามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ทลายทุกข้อจำกัด ก้าวทันและสร้างแบรนด์ไทยเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน (Create Possibilities)

# # # #

You may have missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว