พฤศจิกายน 13, 2024

MEDEZE กระแสแรง นลท.จองซื้อ IPO เกลี้ยง มั่นใจพื้นฐานแกร่ง ระดมทุนขยายฐานกำไร วัฏจักรธุรกิจขาขึ้น

“เมดีซ กรุ๊ป” กระแสแรง นลท.จองซื้อ IPO เกลี้ยง 268 ล้านหุ้น ตอกย้ำผู้นำธุรกิจ พื้นฐานการเงินแกร่ง แผนระดมทุนขยายฐานกำไร วัฏจักรธุรกิจขาขึ้น ด้านราคาจองซื้อ 9 บาท เหมาะสม อัพไซด์เปิดกว้าง พร้อมลงสนามเทรด 15 ต.ค. 2567

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของ         บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า MEDEZE ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วประเทศที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น IPO ของ MEDEZE หมดทั้งจำนวนที่เสนอขาย 268 ล้านหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายที่หุ้นละ 9 บาท ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อความเป็นผู้นำธุรกิจ พื้นฐานการเงินที่มีความแข็งแกร่ง และอุตสาหกรรมอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น รวมถึงแผนขยายธุรกิจที่มีศักยภาพ ช่วยขยายฐานกำไร สร้างโอกาสเติบโตในอนาคต โดยบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าซื้อขายวันแรก (First Day Trade) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 ต.ค. 2567 ซึ่งบริษัทฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

โดยในปัจจุบัน MEDEZE มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400  ล้านบาท คิดเป็น 800 ล้านหุ้นเพื่อจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรกในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 268 ล้านหุ้น  มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละไม่เกิน 25.09% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) / การแพทย์ (HELTH)

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cells และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ  NK Cells มีประสบการณ์ในการดำเนินเนินธุรกิจมาต่อเนื่องมามากกว่า 14 ปี ให้บริการครอบคลุมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในระยะยาว ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อยจำนวน 5 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท เมดีซ เอ็นเค จำกัด ดำเนินธุรกิจการให้บริการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ NK Cells (2) บริษัท เมดีซ คอสเมซูติคอล จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามภายใต้ตราสินค้า DAA และอาหารเสริม (3) บริษัท เมดีซวิจัยและพัฒนา จำกัด ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (4) Medeze Treasury Pte. Ltd. ดำเนินธุรกิจเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน (Investment Company) โดยเป็นบริษัทที่ถือครองและบริหารตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ และ (5) Medeze Group Pte. Ltd. ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ

โดยบริษัทมีศักยภาพสูงในการให้บริการด้วยถังไนโตรเจนเหลวทั้งหมด 38 ถัง มีความสามารถสูงสุดในการสกัดเลือด 2,880 เคส/ปี และสกัดเนื้อเยื่อ 4,560 เคส/ปี และมีความสามารถในการทดสอบศักยภาพของ NK Cells อยู่ที่ 1,920 เคสต่อปี ซึ่งมีพันธมิตรกับโรงพยาบาลในประเทศทั้งหมด 228 โรงพยาบาล มีตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ พม่า อินโดนีเซีย และกัมพูชา รวมถึงมีนักวิทยาศาสตร์ และบุคลากรชั้นนำในวงการเทคโนโลยีชีวภาพ หรือ Biotechnology จำนวนมาก ส่งผลให้มีความแข็งแกร่งในด้านเครือข่ายแพทย์ในสถานพยาบาลชั้นนำ ไปจนถึงการมีห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อระดับคลีนรูม คลาส 100 พร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยในวงการธนาคารจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell Banking เช่น ระบบการแช่แข็งในถังไนโตรเจนเหลว เครื่องคัดแยกเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตอัตโนมัติ หรือ AutoXpress และเครื่องเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคมอลชนิดอัตโนมัติ หรือ Quantum

ทั้งนี้บริษัทได้รับความไว้วางใจในระดับสากลด้วยมาตรฐานการจัดเก็บแช่แข็งในระดับสากล Association for the Advancement of Blood and Biotherapies (AABB) จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองมาตรฐานการดำเนินงานของธนาคารสเต็มเซลล์ที่เข้มงวด เป็นมาตรฐานระบบคุณภาพสากลตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา หรือ U.S.FDA ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเลือดจากสายสะดือตั้งแต่การจัดเก็บในระยะยาว ไปจนถึงการกระจายขนส่งเพื่อรองรับการรักษาให้กับผู้ป่วยทั่วโลก และมาตรฐานห้องปฏิบัติการคุณภาพ Clean Room Class 100 ตั้งแต่ปี 2556 โดย National Environmental Balancing Bureau หรือ NEBB จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นมาตรฐานควบคุมอนุภาค ความดัน และอุณหภูมิภายในห้องปฏิบัติการอย่างเหมาะสม

โดยภายหลังจากการระดมทุน MEDEZE มีแผนที่จะลงทุนขยายธุรกิจด้านเซลล์รากผม หรือ Hair Follicle Cell Bank ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเซลล์จากรากผม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการช่วยบรรเทาปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเส้นผม และหนังศีรษะ ที่มีแนวโน้มจะพบเจอมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย และลงทุนติดตั้งระบบการจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ หรือ Robotic Cell Culture System ซึ่งเป็นวัตกรรมขั้นสูงและล้ำสมัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้กระบวนจัดเก็บมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดของบุคคล และลดความเสี่ยงจากตัวแปรที่มาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ยกระดับความน่าเชื่อถือทัดเทียมกับผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก สามารถดึงดูดลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้มากขึ้น

ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ MEDEZE ในปี 2564-2566 มีรายได้รวม 446.41 ล้านบาท 595.70 ล้านบาท และ 701.81 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 112.06 ล้านบาท 147.19 ล้านบาท และ 239.57 ล้านบาท ตามลำดับ

You may have missed