พฤศจิกายน 10, 2024

กระทรวงดีอี – ดีป้า จับมือพันธมิตรจัดงาน TECHSAUCE GLOBAL SUMMIT 2024 เดินหน้าสร้างโอกาสจากปัญญาประดิษฐ์ ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

กระทรวงดีอี – ดีป้า จับมือพันธมิตรจัดงาน TECHSAUCE GLOBAL SUMMIT 2024 เดินหน้าสร้างโอกาสจากปัญญาประดิษฐ์ ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

          เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567, กรุงเทพมหานครกระทรวงดีอี และ ดีป้า ร่วมกับ เทคซอส มีเดีย และเครือข่ายพันธมิตรจัดงาน TECHSAUCE GLOBAL SUMMIT 2024 ภายใต้แนวคิด The World of Tomorrow with AI งานสัมมนาและจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มุ่งสร้างโอกาสจากเทคโนโลยี AI ตอบสนองแนวทางการยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี)
เป็นประธานเปิดงานสัมมนาและจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ TECHSAUCE GLOBAL SUMMIT 2024 ที่มาพร้อมแนวคิด The World of Tomorrow with AI
โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า
นางสาวอรนุช
เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยและต่างประเทศ รวมถึงผู้ที่สนใจร่วมภายในงานเป็นจำนวนมาก ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายประเสริฐ กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND’ ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก กระทรวงดีอี จึงได้ดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล หรือ The Growth Engine of Thailand ที่ดำเนินการใน 3 มิติ ประกอบด้วย การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ของประเทศด้านดิจิทัล

หนึ่งในแผนงานสำคัญของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของกระทรวงคือ การเร่งรัด
ให้เกิดแผนแม่บทส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
(AI) ของประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘การสร้างโอกาสจากปัญญาประดิษฐ์และขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างครอบคลุมทุกภาคส่วน’ ประกอบด้วย การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI และดิจิทัลที่แข็งแกร่งของประเทศ โดยการยกระดับศูนย์ข้อมูลและคลาวด์กลางภาครัฐให้สามารถให้บริการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมสอดรับ Cloud First Policy การพัฒนาและส่งเสริม AI ในระดับประเทศ ผ่านการสร้างชุดข้อมูลเปิดและพัฒนาโซลูชัน AI เฉพาะภาคส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรกรรม การท่องเที่ยว สาธารณสุข ภาครัฐ และการเงิน การดึงดูดและพัฒนากำลังคน AI โดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สร้างแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ อำนวยความสะดวกในการทำงานแก่ผู้มีความสามารถด้าน AI จากทั่วโลก การนำ AI มาใช้ในภาคธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาล ผ่านแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุน SMEs และภาคประชาชนประยุกต์ใช้ AI ยกระดับธุรกิจและคุณภาพชีวิต และการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยจากการใช้ AI โดยการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสในการพัฒนา AI และ AI Sandbox สำหรับพัฒนาและทดลองใช้อย่างมีจริยธรรมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

พร้อมกันนี้ นายประเสริฐ ได้ให้เกียรติมอบรางวัลเกียรติยศ Prime Minister’s Digital Awards 2023 เพื่อเชิดชูเกียรติบุคลากรที่มีผลงานดีเด่นในแวดวงเทคโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของประเทศไทยใน 5 สาขา ได้แก่ Digital Youth of the Year ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ ทีม Mission Makers กับผลงาน Macheck แพลตฟอร์มและ Extension กรองข่าวสาร Digital Community of the Year ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ เทศบาลตำบลแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผลงาน ระบบข้อมูลสนับสนุนการจัดการขยะอันตรายชุมชน Digital Organization of the Year ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ กรมสรรพากร Digital Startup of the Year ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ Digital Entrepreneur of the Year ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการบริษัท ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ยังให้เกียรติเป็นสักขีพยานในการประกาศความร่วมมือของเครือข่ายการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลเพื่อการพัฒนา AI ในชื่อ TH.ai Data Sharing Consortium

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า TH.ai Data Sharing Consortium เป็นการต่อยอดความร่วมมือจากเครือข่าย TH.ai โดยเป็นการรวมตัวกันของหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา จำนวน
11 หน่วยงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ วิธีการที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่
การพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและปรับปรุงโมเดล AI ผลักดันให้เกิดกลไกและ
แนวทางการพัฒนาข้อมูลเปิด (Open Data) เพื่อให้ประเทศมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

นอกจากนี้ ดีป้า ยังได้ร่วมออกบูธนิทรรศการที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI รอบด้าน
ซึ่งภายในงานยังมีการเปิดตัวและจัดแสดงเทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยี AI จากดิจิทัลสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ และเวทีสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากกว่า
60 ประเทศทั่วโลกในหัวข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้านการเงินและการธนาคาร (FinTech) เทคโนโลยีการตลาด (MarTech) และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (HealthTech) เป็นต้น ซึ่งงาน TECHSAUCE GLOBAL SUMMIT 2024
จะมีไปจนถึงวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมนี้ ณ ฮอลล์ 3 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

ทั้งนี้ ดีป้า ยังมีโครงการดี ๆ อย่าง โครงการ CONNEXION ที่มุ่งยกระดับองค์ความรู้ พัฒนาชุดทักษะใหม่ด้านดิจิทัลให้กับคนไทย โดยเฉพาะผู้ว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางานให้มีความพร้อมต่อการประกอบอาชีพใหม่ในยุคดิจิทัล และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไทยอย่าง คอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ หรือจะประกอบอาชีพอื่น ๆ ในสายอย่าง ออแกไนเซอร์ นักออกแบบ นักพากย์ นักเล่าเรื่อง

และอีกหนึ่งโครงการกับ เปิดเมือง เปิดท่องเที่ยวไทยด้วยดิจิทัล กับการพัฒนา ThailandCONNEX เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรูปแบบ Business to Business (B2B) ในลักษณะ Wholesales สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สามารถเข้าถึง นำเสนอสินค้าและบริการสู่ผู้ให้บริการท่องเที่ยว (Online Travel Agents : OTAs) ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้กับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ กลุ่มธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการเช่า ยานพาหนะเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ThailandCONNEX กว่า 1 แสนราย มีสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกว่า 2 แสนรายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

You may have missed