เมษายน 22, 2025

JPARK ฟอร์มเด่น กวาดกำไร Q2/67 โตสนั่น 50% YOY ธุรกิจ CIPS-PS หนุนมาร์จิ้นพุ่ง มั่นใจผลงานปีนี้โตตามเป้า

JPARK ฟอร์มเด่น กวาดกำไร Q2/67 โตสนั่น 50% YOY
ธุรกิจ CIPS-PS หนุนมาร์จิ้นพุ่ง มั่นใจผลงานปีนี้โตตามเป้า

“เจนก้องไกล” ฟอร์มดีต่อเนื่อง กวาดกำไร Q2/67 ที่ 25.93 ลบ. โตสนั่น 50.14% ธุรกิจที่ปรึกษาและติดตั้ง ระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ CIPS และ ให้บริการที่จอดรถ PS หนุนอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 17.82% มั่นใจผลงานปี 67 โตตามเป้า

​นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่สองของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 50.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนปีที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.28 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่สองของปี 2567 อยู่ที่ 145.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 142.02 ล้านบาท
โดยกำไรสุทธิ และรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจให้บริการที่จอดรถ หรือ PS ที่เพิ่มขึ้น 7.88 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.68% และรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหาร จัดการพื้นที่จอดรถ หรือ PMS ที่เพิ่มขึ้น 1.02 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.00% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้บริการ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาสที่สองของปี 67 อยู่ที่ 30.08% ซึ่งสูงกว่ากำไรขั้นต้นในช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.48% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 17.82% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 12.17% โดยสาเหตุการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นตน และอัตรากำไรสุทธิมาจากรายได้ และความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ PS และธุรกิจ CIPS ที่เพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถมีผลดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารลานจอดรถในปี 2567 แตะ 40,000 ช่องจอด คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 30% รวมถึงแผนที่จะขยายธุรกิจในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขยายการบริหารจัดการลานจอดรถให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ในปี 2567 และการเพิ่มขึ้นของอาคารจอดรถในบริเวณระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้ามหานครที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ช่องจอดภายในปี 2569 โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะเพิ่มสัดส่วนในการเข้ารับงานบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ หรือ PMS ให้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูง รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถอัตโนมัติ “Prompt Park” เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการมากยิ่งขึ้น และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
***************************************************

You may have missed

“กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค หรือ KJL” ลุยเปิดศักราชใหม่ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” ทั้งแบบเหล็กหนา 1.6 และ 1.2 มม. รับมือทุกหน้างานจากอาคารพาณิชย์ถึงโรงงานใหญ่ พร้อมตอบโจทย์ช่างมืออาชีพในยุคที่คุณภาพต้องมาก่อน รองรับตลาดระบบไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไรมาสแรก ปี 2568 บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์” 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ประกอบด้วย Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง กล่องผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบกันสนิมแบบกัลป์วาไนซ์ทั้งภายในและภายนอก Pull Box ชุบกัลวาไนซ์ – เหล็กหนา 1.2 มม. รุ่นมาตรฐานที่เน้นความคล่องตัว ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั่วไปในโครงการ อาคารพาณิชย์ และระบบภายในอาคารทั้ง 2 รุ่นผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ KJL ในการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งานระบบไฟฟ้าในทุกระดับ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา Pull Box ให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย กันสนิม และติดตั้งง่าย เพื่อตอบรับความต้องการของโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้า KJL ทุกชิ้นสามารถรองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมวางจำหน่ายวันนี้ทั่วประเทศ” นายเกษมสันต์ กล่าว